คำถามที่พบบ่อย

การเก็บสเต็มเซลล์ให้น้องหมาน้องแมว คืออะไร?
การเก็บสเต็มเซลล์คือการเก็บ เซลล์ต้นกำเนิด เซลล์เหล่านี้มีความสามารถในการ ซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกาย เช่น กระดูก ไต ผิวหนัง หรือระบบต่าง ๆ ในอนาคตหากน้องเจ็บป่วย เราสามารถนำเซลล์ที่เก็บไว้มาขยายและใช้รักษาและฟื้นฟูร่างกายน้องได้ค่ะ

การเก็บจะทำในช่วงที่น้องยังสุขภาพดี เพื่อให้ได้เซลล์ที่แข็งแรงและพร้อมใช้งาน
เป็นการวางแผนดูแลสุขภาพล่วงหน้า เหมือนเป็น สมบัติล้ำค่าของน้อง ที่เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นค่ะ
สเต็มเซลล์ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
สเต็มเซลล์สามารถใช้ฟื้นฟูและรักษาโรคต่าง ๆ ที่พบได้บ่อยในสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ เช่น

โรคข้อเสื่อม / ข้อสะโพกเสื่อม
ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการเจ็บ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน

โรคไตเรื้อรัง
ช่วยลดภาวะอักเสบในไต และชะลอการเสื่อมของการทำงานของไต

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง / โรคแพ้ภูมิตัวเอง (autoimmune)
ช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

แผลเรื้อรัง / แผลหายช้า
ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และฟื้นฟูเนื้อเยื่อให้หายไวขึ้น

โรคทางระบบประสาท / การบาดเจ็บของเส้นประสาท
มีการศึกษาเบื้องต้นว่าสเต็มเซลล์อาจช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทได้บางส่วน

โรคตับ (Liver Disease)
เช่น ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง หรือภาวะตับเสื่อมในสัตว์เลี้ยง สเต็มเซลล์อาจช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมการฟื้นตัวของเซลล์ตับ

โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD Inflammatory Bowel Disease)
ในบางเคสที่ตอบสนองต่อยาช้า การใช้สเต็มเซลล์อาจช่วยลดการอักเสบของลำไส้ได้

ภาวะบาดเจ็บของกระดูก/กล้ามเนื้อ
เช่น กระดูกแตก เส้นเอ็นฉีก หรือกล้ามเนื้อฉีกขาด สเต็มเซลล์ช่วยเร่งการซ่อมแซมและลดเวลาการพักฟื้น

ภาวะผิวหนังอักเสบ/แผลไฟไหม้/แผลที่หายช้า
สเต็มเซลล์สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในบริเวณที่ผิวหนังเสียหาย

ภาวะโลหิตจางจากไขกระดูก (Bone Marrow Suppression)
มีการทดลองใช้สเต็มเซลล์ในการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดใหม่

ฟื้นฟูร่างกายหลังจากการผ่าตัดใหญ่ / ผ่าตัดเนื้องอก
เพื่อช่วยให้ร่างกายกลับมาทำงานสมบูรณ์เร็วขึ้น ลดการอักเสบเรื้อรัง


หมายเหตุ: การใช้สเต็มเซลล์ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของสัตวแพทย์ และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของน้องแต่ละตัว การเก็บสเต็มเซลล์ไว้ตั้งแต่วันนี้ ช่วยให้น้องมีโอกาสในการรักษาที่รวดเร็ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้
ควรเก็บสเต็มเซลล์ตอนไหนดีที่สุด?

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเก็บสเต็มเซลล์ คือ ตอนที่น้องหมาน้องแมวยังแข็งแรง และยังไม่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะช่วง อายุประมาณ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่ร่างกายสมบูรณ์ และสามารถเก็บเซลล์ที่มีคุณภาพสูงได้

การเก็บจากเลือด เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุด
สะดวก ปลอดภัย ไม่ทำให้น้องเจ็บมาก โดยสัตวแพทย์จะใช้วิธีเก็บเลือดในปริมาณที่เหมาะสม
สามารถทำได้ในคลินิกพาร์ทเนอร์ของ PetgeneX และใช้เวลาไม่นาน

หากมีแผนจะพาน้องไปทำหมัน
สามารถเลือกเก็บจากเนื้อเยื่อไขมัน ได้ในระหว่างการผ่าตัด
เพราะเป็นช่วงที่สัตวแพทย์สามารถเก็บเนื้อเยื่อไขมันบางส่วนได้ทันทีซึ่งเซลล์จากไขมันก็มีคุณภาพสูงเช่นกัน

หากคุณแม่ตั้งครรภ์สัตว์เลี้ยง
สามารถเลือกเก็บจากสายสะดือของลูกสัตว์แรกเกิด
ซึ่งจะได้สเต็มเซลล์ที่บริสุทธิ์และยังไม่ผ่านการใช้งานในร่างกาย (Virgin Cells)

แต่ไม่ว่าจะแหล่งไหน ยิ่งเก็บเร็ว ยิ่งได้เซลล์ที่มีคุณภาพสูงค่ะ

ถ้าน้องหมาหรือน้องแมวป่วยแล้ว ยังสามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้ไหม?
สามารถเก็บได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับประเภทของโรคและสภาพร่างกายของน้องในขณะนั้น โดยทั่วไป การเก็บสเต็มเซลล์จะให้ได้เซลล์ที่ส่งผลดีที่สุดจะอยู่ในช่วงที่น้องยังสุขภาพดี เพราะเซลล์ที่ได้จะมีคุณภาพสูง และตอบสนองต่อการเพาะเลี้ยงได้ดีกว่า
การเก็บสเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยง เก็บอย่างไร? แตกต่างกันอย่างไร?
การเก็บสเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยงมีทั้งหมด 4 แหล่ง ได้แก่ เลือด ไขมัน สายสะดือ และไขกระดูก แต่ละแบบจะมีข้อแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

1. การเก็บจาก เลือด (Peripheral Blood Stem Cells)
  • เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะปลอดภัยและง่ายที่สุด เป็นเพียงการเก็บตัวอย่างเลือดไม่ต้องวางยาสลบ
  • ใช้การเจาะเลือดในปริมาณที่พอเหมาะโดยสัตวแพทย์
  • ได้เซลล์ของน้องเองโดยตรง ทำให้ร่างกายตอบสนองและยอมรับได้ดี
  • เหมาะกับน้องที่ยังสุขภาพดี และต้องการเก็บไว้ใช้ในอนาคต
2. การเก็บจาก ไขมัน (Adipose Tissue Stem Cells)
  • เก็บจากไขมันใต้ผิวหนัง เช่น บริเวณหน้าท้อง หรือขาหนีบ
  • ต้องใช้การผ่าตัดเล็กหรือทำร่วมกับการทำหมัน
  • เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่วางแผนทำหมัน 
3. การเก็บจาก ไขกระดูก (Bone Marrow Stem Cells)
  • เก็บจากกระดูกสะโพกหรือต้นขา ต้องวางยาสลบ
  • ใช้ในบางกรณีทางการแพทย์เท่านั้น เช่น ภาวะเลือดผิดปกติ หรือเกี่ยวข้องกับระบบเลือด 
  • โดยทั่วไปจะไม่นิยมเก็บจากไขกระดูก ไม่ใช่ตัวเลือกหลักในการเก็บเพื่อป้องกันล่วงหน้า เพราะเจ็บและขั้นตอนซับซ้อนกว่า
 4.การเก็บสเต็มเซลล์จาก สายสะดือ (Umbilical Cord)
  • เป็นการเก็บเพียงครั้งเดียวหลังคลอด จึงไม่รบกวนสุขภาพของแม่สัตว์
  • เป็นเซลล์ที่ยังบริสุทธิ์ (Virgin Cells) ยังไม่เคยผ่านกระบวนการเสื่อมใด ๆ
  • เหมาะสำหรับคุณแม่สัตว์ที่กำลังตั้งครรภ์หรือฟาร์มที่ต้องการวางแผนสุขภาพให้สัตว์เลี้ยงล่วงหน้า
  • เจ้าของที่ต้องการเก็บ "เซลล์ที่ดีที่สุด" ตั้งแต่กำเนิด เพื่อการดูแลสุขภาพระยะยาว
  • *โดยทั่วไปจะไม่นิยมเก็บจากไขกระดูก 
สเต็มเซลล์ช่วยชะลอวัยหรือฟื้นฟูสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้ไหม?
ได้ค่ะ สเต็มเซลล์ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกใหม่สำหรับการดูแลสุขภาพระยะยาวของน้องหมาน้องแมว โดยเฉพาะในกลุ่มที่เริ่มเข้าสู่วัยชรา

สเต็มเซลล์ช่วยได้อย่างไร?
1.กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
ช่วยสร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ข้อต่อ

2.ลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย
ปัญหาที่พบบ่อยในสัตว์สูงวัย เช่น อาการปวดข้อ ระบบย่อยอาหารอักเสบ หรือไตเสื่อม

3.เสริมภูมิคุ้มกันให้น้อง
ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ต้านโรคได้ดีขึ้น ลดโอกาสเจ็บป่วยง่าย

4.ช่วยให้น้องฟื้นตัวไวหลังการผ่าตัดหรือเจ็บป่วย
โดยเฉพาะในสัตว์สูงวัยที่ใช้เวลาฟื้นตัวนาน การมีสเต็มเซลล์ที่เก็บไว้พร้อมใช้งาน จะช่วยลดเวลาในการฟื้นฟูอย่างชัดเจน

ดังนั้น การเก็บสเต็มเซลล์ไว้ตั้งแต่น้องยังแข็งแรงเปรียบเหมือนการ เก็บโอกาสฟื้นฟูสุขภาพไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถดูแลน้องได้ดีที่สุดในวันที่เขาต้องการที่สุดค่ะ
ถ้าน้องหมาน้องแมวอายุมากแล้ว ยังเก็บสเต็มเซลล์ได้ไหม?
ยังสามารถเก็บได้ค่ะ แต่ประสิทธิภาพของเซลล์อาจไม่เท่ากับตอนที่น้องยังเด็กหรือยังสุขภาพดี
เก็บสเต็มเซลล์ให้น้องหมาน้องแมว นี่คือเก็บไปทำอะไร? แล้วจำเป็นแค่ไหน?"
การเก็บสเต็มเซลล์ คือการ สำรองเซลล์ซ่อมแซมร่างกาย ของน้องไว้ เพื่อใช้ในวันที่เขาอาจเจ็บป่วย หรือมีโรคเรื้อรังเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากสเต็มเซลล์มีคุณสมบัติพิเศษ คือสามารถช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ ฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ข้อกระดูก / ไต / ผิวหนัง / ระบบภูมิคุ้มกัน / สมอง / ตับ

จำเป็นแค่ไหน?
ในวันที่น้องยังสุขภาพดี อาจยังไม่รู้สึกถึงความจำเป็น
แต่เมื่อวันหนึ่งที่น้องเริ่มอายุมากขึ้น อาจเริ่มมีปัญหาสุขภาพ การมีสเต็มเซลล์พร้อมใช้ทันที อาจเป็นสิ่งที่ช่วยยืดคุณภาพชีวิตและฟื้นฟูสุขภาพได้จริง

เหมือนกับเรากำลัง เก็บโอกาสในการรักษา ไว้ให้เค้าเพราะเราไม่อยากรอจนสายเกินไป
หากต้องการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจากสัตว์เลี้ยง ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
ลูกค้าสามารถนำน้องหมา/แมวเข้ารับบริการได้ที่คลินิกสัตว์พาร์ทเนอร์ของ PetgeneX
โดยสัตวแพทย์จะทำการตรวจร่างกายเบื้องต้นและประเมินความพร้อมก่อนการเก็บตัวอย่าง

หากการตรวจผ่านการประเมินและน้องแข็งแรงดี
สามารถเก็บตัวอย่างได้ทันทีในกรณีของการเก็บจากเลือด,การเก็บจากไขมัน (สามารถทำร่วมกับการผ่าทำหมันได้)

แต่สำหรับกรณีที่ต้องการ เก็บจากสายสะดือ จะต้องดำเนินการในช่วง คลอดลูกสัตว์ เท่านั้น และต้องประสานงานล่วงหน้า

แนะนำ: ควรติดต่อ PetgeneX ล่วงหน้าเพื่อนัดหมายและเลือกสถานที่ที่สะดวกใกล้บ้านค่ะ
เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ
หากต้องการนำเซลล์ต้นกำเนิดมาใช้งานในอนาคต ต้องดำเนินการอย่างไร?
ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ในการเบิกใช้สเต็มเซลล์ ผ่านทาง PetgeneX โดยแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน เพื่อให้ทางห้องปฏิบัติการดำเนินการ เพาะขยายจำนวนเซลล์ให้เพียงพอต่อการใช้งาน,ตรวจสอบคุณภาพ และเตรียมการจัดส่งเซลล์ไปยังโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกที่ดูแลน้อง

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่

 สำนักงานใหญ่

PetGeneX

ธนาคารฝากเก็บสเต็มเซลล์สำหรับสัตว์เลี้ยง

เลขที่ 899/68 หมู่ที่ 21 ต.บางพลีใหญ่

อ. บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540

 ห้องปฏิบัติการจัดเก็บเนื้อเยื่อและเซลล์ต้นกำเนิดสัตว์เลี้ยง

อาคารอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2

ห้องปฏิบัติการจัดเก็บเนื้อเยื่อและเซลล์ต้นกำเนิดสัตว์เลี้ยง

อาคารอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2

111 ถนนมหาวิทยาลัย ต.สุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา

จ.นครราชสีมา 30000

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ