เซลล์บำบัดในสัตว์เลี้ยง

Stem Cell Therapy for Pets

นวัตกรรมฟื้นฟูสุขภาพ

ด้วยพลังจากธรรมชาติของร่างกาย

การดูแลสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน ก้าวไปไกลกว่าการรักษาแบบเดิม ๆ เซลล์บำบัด (Cell Therapy) คือทางเลือกใหม่ ที่ช่วยฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ในร่างกายของน้องหมาน้องแมว ด้วยการใช้สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดการอักเสบ และเสริมการทำงานของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ

"รู้จักกับเซลล์บำบัดในสัตว์เลี้ยง ทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูสุขภาพ"

เซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells)

คืออะไร?

เซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ชนิด Mesenchymal Stem Cells (MSCs) คืออะไร

ในสัตวแพทย์ สเต็มเซลล์ชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Mesenchymal Stem Cells (MSCs) MSCs คือหัวใจของการรักษาแบบฟื้นฟูอย่างแท้จริง ด้วยความสามารถในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ควบคุมการอักเสบ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นตัว จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำมาใช้ในสัตว์เลี้ยงที่ป่วยเรื้อรังหรือเริ่มมีภาวะเสื่อมตามวัย Mesenchymal Stem Cells (MSCs) คือเซลล์ต้นกำเนิดชนิดหนึ่งที่สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ และมีความสามารถในการแปรสภาพ (differentiate) ไปเป็นเซลล์ของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น เซลล์กระดูก (Osteoblasts) เซลล์กระดูกอ่อน (Chondrocytes) เซลล์ไขมัน (Adipocytes) เซลล์กล้ามเนื้อ / เส้นเอ็น รวมถึงมีคุณสมบัติพิเศษในการควบคุมระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ

ประเภทของเซลล์ที่ใช้ MSCs (Mesenchymal Stem Cells)

  • ช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน
  • เปลี่ยนเป็นเซลล์ของเนื้อเยื่อหลายชนิด เช่น กระดูก ประสาท กล้ามเนื้อ
  • ลดการอักเสบระดับเซลล์
  • ส่งเสริมการงอกใหม่ของเนื้อเยื่อ
  • หลั่งสารชีวภาพกระตุ้นการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อ

รูปแบบการใช้สเต็มเซลล์ชนิดมีเซนไคม์ (MSCs) เพื่อการฟื้นฟูสัตว์เลี้ยง

Autologous MSCs : เซลล์จากตัวสัตว์เลี้ยงเอง

(ต้องเก็บไว้ล่วงหน้า)

คือการเก็บสเต็มเซลล์จากร่างกายของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นจาก เลือด ไขมัน หรือสายสะดือ (ในกรณีของลูกสัตว์แรกคลอด) แล้วนำเซลล์ไปผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้จำนวนเซลล์ที่เพียงพอสำหรับการรักษา โดยสเต็มเซลล์ที่ได้นี้จะถูกเก็บไว้ และสามารถนำกลับมาใช้กับสัตว์เลี้ยงตัวเดิมได้ในอนาคต ซึ่งข้อดีสำคัญคือ

 ปลอดภัยสูงสุด เพราะเป็นเซลล์ของน้องเอง

 เข้ากับร่างกายได้ 100% ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน

 ลดความเสี่ยงเรื่องการแพ้ หรือการปฏิเสธเซลล์จากผู้อื่น

 มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย ช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูสุขภาพ


การเก็บ Autologous MSCs จึงเปรียบเสมือน การเก็บทุนสุขภาพสำรอง ที่เจ้าของสามารถวางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สัตว์เลี้ยงที่คุณรัก ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดในวันที่อาจต้องการความช่วยเหลือ

Allogeneic MSCs : เซลล์จากตัวอื่นพันธุกรรมใกล้เคียง (เหมาะกับเคสเร่งด่วน)

คือ เซลล์ต้นกำเนิดที่ได้รับจากสิ่งมีชีวิตอื่น ซึ่งมีพันธุกรรมไม่เหมือนกับผู้รับ โดยทั่วไปจะเป็นการบริจาคเซลล์จากสัตว์ตัวอื่นในสายพันธุ์เดียวกัน เพื่อใช้ในการรักษาหรือฟื้นฟูร่างกายสัตว์เลี้ยงคนละตัวกับเจ้าของเซลล์


 นำไปใช้รักษาในสัตว์เลี้ยงที่ต้องการการฟื้นฟูเร่งด่วน

 ใช้รักษาได้ทันที

 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สำคัญ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีเซลล์ของตัวเอง


การใช้สเต็มเซลล์ Allogeneic ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งในการใช้ฟื้นฟูร่างกายสำหรับสัตว์ที่ป่วยหนักหรืออยู่ในภาวะฉุกเฉิน

ใช้สเต็มเซลล์รักษาโรคอะไรได้บ้าง?

เซลล์บำบัดถูกนำมาใช้ช่วยฟื้นฟูในหลากหลายระบบของร่างกายสัตว์เลี้ยง เช่น :

โรคระบบกระดูกและข้อต่อ

ข้อเสื่อม / ข้อสะโพกเสื่อม

การบาดเจ็บของกระดูก เส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อ

ช่วยลดอาการปวด ลดการอักเสบ และกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

โรคระบบประสาท

อัมพาตจากการบาดเจ็บของไขสันหลัง

การทำงานของเส้นประสาทเสื่อม

️มีการศึกษาว่าเซลล์ช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของระบบประสาท

โรคไตเรื้อรัง

️ลดการอักเสบภายในเนื้อเยื่อไต และชะลอการเสื่อมของการทำงานของไต

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง / โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune)

สเต็มเซลล์มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน

ลดความรุนแรงของอาการอักเสบแบบเรื้อรัง

โรคตับ

ตับอักเสบเรื้อรัง / ตับเสื่อม

️ ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ตับและลดการอักเสบของตับ

โรคผิวหนังและแผลเรื้อรัง

ผิวหนังอักเสบ / แผลหายช้า / แผลไฟไหม้

️ เซลล์ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และสมานแผลได้รวดเร็วขึ้น

โรคทางเดินอาหาร

ลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD)

️ ลดการอักเสบของลำไส้ และส่งเสริมการซ่อมแซมเยื่อบุผนังลำไส้

ภาวะโลหิตจางจากไขกระดูก (Bone Marrow Suppression)

ใช้สเต็มเซลล์กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดใหม่ในกรณีที่ไขกระดูกทำงานลดลง

การฟื้นฟูหลังผ่าตัดใหญ่ / ผ่าตัดเนื้องอก

เซลล์ช่วยลดการอักเสบภายใน ส่งเสริมการฟื้นตัวเร็วขึ้น

โรคระบบตา

  • แผลหลุมที่กระจกตา (Corneal Ulcer)
  • ผิวกระจกตาอักเสบ (Superficial Keratitis)
  • กระจกตาอักเสบในแมว (Feline Eosinophilic Keratitis)

️สเต็มเซลล์มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในชั้นตา กระตุ้นการสมานแผล และฟื้นฟูผิวกระจกตาให้กลับมาทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการสูญเสียการมองเห็น

ดูแลสัตว์เลี้ยงสูงวัย (ภาวะ Frailty)

เซลล์บำบัดสามารถช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดภาวะอ่อนแรง

ชะลอความเสื่อมของอวัยวะ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่เข้าสู่วัยชรา

การดูแลสัตว์เลี้ยงสูงวัยด้วยเซลล์บำบัด

เมื่อสัตว์เลี้ยงของคุณก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ โดยเฉพาะช่วงอายุ 7-10 ปีขึ้นไป สัญญาณของ "ความเสื่อมถอย" ของร่างกายจะเริ่มปรากฏ ทั้งในด้านการเคลื่อนไหว ระบบขับถ่าย ระบบภูมิคุ้มกัน และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ภาวะนี้เรียกว่า "ภาวะเปราะบางในสัตว์เลี้ยง" (Frailty Syndrome) ซึ่งคล้ายกับภาวะผู้สูงอายุในคน และเป็นภาวะที่ต้องการการดูแลเฉพาะทางมากขึ้น

เซลล์บำบัด ทางเลือกใหม่ของการฟื้นฟูการใช้เซลล์ต้นกำเนิด (Mesenchymal Stem Cells - MSCs) ในสัตว์เลี้ยงสูงวัย มีบทบาทสำคัญในการ ซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และ ปรับสมดุลระบบในร่างกาย

ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของเซลล์บำบัดในสัตว์สูงวัย ได้แก่:

 ลดอาการอักเสบเรื้อรัง เช่น ข้อเสื่อม ข้อสะโพกเสื่อม

 เสริมการทำงานของอวัยวะภายใน เช่น ไต ตับ หัวใจ

 ฟื้นฟูระบบประสาท กรณีอัมพาตหรือการเสื่อมของไขสันหลัง

 ปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของโรคแพ้ภูมิตัวเอง

 ส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ในผิวหนัง แผลเรื้อรัง และกล้ามเนื้อ

 ช่วยให้น้องกลับมามีชีวิตชีวา เคลื่อนไหวดีขึ้น กินได้ และร่าเริงขึ้น

เพราะเขาอยู่กับคุณมานาน... ถึงเวลาที่เราจะตอบแทน

เซลล์บำบัดคือ การมอบคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ให้กับสัตว์เลี้ยงในช่วงปลายชีวิต

การวางแผนเก็บสเต็มเซลล์ตั้งแต่ยังแข็งแรง จะช่วยให้น้องมี "โอกาส" ในการเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุด เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องการ

ความปลอดภัยในการใช้

เซลล์ทุกชุดที่นำมาใช้กับน้องหมาน้องแมวจะผ่านการตรวจสอบโดยห้องปฏิบัติการมาตรฐาน เช่น:

ขนาดและรูปร่างของเซลล์

ความมีชีวิต (Viability)

ความสะอาดปลอดเชื้อ

คุณสมบัติของเซลล์ MSCs

จำนวนเซลล์ต่อโดส

ทำไมต้องเลือก PetGeneX ?

ทีมสัตวแพทย์และนักวิทยาศาสตร์

ผู้เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์

ห้องปฏิบัติการคุณภาพสูง พร้อมระบบจัดเก็บและเพาะเลี้ยงครบวงจร

มีบริการเก็บสเต็มเซลล์ล่วงหน้า

(เพื่อพร้อมใช้เมื่อน้องเจ็บป่วย)

ปลอดภัย โปร่งใส

พร้อมใบรับรองการจัดเก็บ

คำถามที่พบบ่อย
การเก็บสเต็มเซลล์ให้น้องหมาน้องแมว คืออะไร?
การเก็บสเต็มเซลล์คือการเก็บ เซลล์ต้นกำเนิด เซลล์เหล่านี้มีความสามารถในการ ซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกาย เช่น กระดูก ไต ผิวหนัง หรือระบบต่าง ๆ ในอนาคตหากน้องเจ็บป่วย เราสามารถนำเซลล์ที่เก็บไว้มาขยายและใช้รักษาและฟื้นฟูร่างกายน้องได้ค่ะ

การเก็บจะทำในช่วงที่น้องยังสุขภาพดี เพื่อให้ได้เซลล์ที่แข็งแรงและพร้อมใช้งาน
เป็นการวางแผนดูแลสุขภาพล่วงหน้า เหมือนเป็น สมบัติล้ำค่าของน้อง ที่เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นค่ะ
สเต็มเซลล์ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
สเต็มเซลล์สามารถใช้ฟื้นฟูและรักษาโรคต่าง ๆ ที่พบได้บ่อยในสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ เช่น

โรคข้อเสื่อม / ข้อสะโพกเสื่อม
ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการเจ็บ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน

โรคไตเรื้อรัง
ช่วยลดภาวะอักเสบในไต และชะลอการเสื่อมของการทำงานของไต

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง / โรคแพ้ภูมิตัวเอง (autoimmune)
ช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

แผลเรื้อรัง / แผลหายช้า
ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และฟื้นฟูเนื้อเยื่อให้หายไวขึ้น

โรคทางระบบประสาท / การบาดเจ็บของเส้นประสาท
มีการศึกษาเบื้องต้นว่าสเต็มเซลล์อาจช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทได้บางส่วน

โรคตับ (Liver Disease)
เช่น ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง หรือภาวะตับเสื่อมในสัตว์เลี้ยง สเต็มเซลล์อาจช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมการฟื้นตัวของเซลล์ตับ

โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD Inflammatory Bowel Disease)
ในบางเคสที่ตอบสนองต่อยาช้า การใช้สเต็มเซลล์อาจช่วยลดการอักเสบของลำไส้ได้

ภาวะบาดเจ็บของกระดูก/กล้ามเนื้อ
เช่น กระดูกแตก เส้นเอ็นฉีก หรือกล้ามเนื้อฉีกขาด สเต็มเซลล์ช่วยเร่งการซ่อมแซมและลดเวลาการพักฟื้น

ภาวะผิวหนังอักเสบ/แผลไฟไหม้/แผลที่หายช้า
สเต็มเซลล์สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในบริเวณที่ผิวหนังเสียหาย

ภาวะโลหิตจางจากไขกระดูก (Bone Marrow Suppression)
มีการทดลองใช้สเต็มเซลล์ในการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดใหม่

ฟื้นฟูร่างกายหลังจากการผ่าตัดใหญ่ / ผ่าตัดเนื้องอก
เพื่อช่วยให้ร่างกายกลับมาทำงานสมบูรณ์เร็วขึ้น ลดการอักเสบเรื้อรัง


หมายเหตุ: การใช้สเต็มเซลล์ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของสัตวแพทย์ และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของน้องแต่ละตัว การเก็บสเต็มเซลล์ไว้ตั้งแต่วันนี้ ช่วยให้น้องมีโอกาสในการรักษาที่รวดเร็ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้
ควรเก็บสเต็มเซลล์ตอนไหนดีที่สุด?

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเก็บสเต็มเซลล์ คือ ตอนที่น้องหมาน้องแมวยังแข็งแรง และยังไม่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะช่วง อายุประมาณ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่ร่างกายสมบูรณ์ และสามารถเก็บเซลล์ที่มีคุณภาพสูงได้

การเก็บจากเลือด เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุด
สะดวก ปลอดภัย ไม่ทำให้น้องเจ็บมาก โดยสัตวแพทย์จะใช้วิธีเก็บเลือดในปริมาณที่เหมาะสม
สามารถทำได้ในคลินิกพาร์ทเนอร์ของ PetgeneX และใช้เวลาไม่นาน

หากมีแผนจะพาน้องไปทำหมัน
สามารถเลือกเก็บจากเนื้อเยื่อไขมัน ได้ในระหว่างการผ่าตัด
เพราะเป็นช่วงที่สัตวแพทย์สามารถเก็บเนื้อเยื่อไขมันบางส่วนได้ทันทีซึ่งเซลล์จากไขมันก็มีคุณภาพสูงเช่นกัน

หากคุณแม่ตั้งครรภ์สัตว์เลี้ยง
สามารถเลือกเก็บจากสายสะดือของลูกสัตว์แรกเกิด
ซึ่งจะได้สเต็มเซลล์ที่บริสุทธิ์และยังไม่ผ่านการใช้งานในร่างกาย (Virgin Cells)

แต่ไม่ว่าจะแหล่งไหน ยิ่งเก็บเร็ว ยิ่งได้เซลล์ที่มีคุณภาพสูงค่ะ

ถ้าน้องหมาหรือน้องแมวป่วยแล้ว ยังสามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้ไหม?
สามารถเก็บได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับประเภทของโรคและสภาพร่างกายของน้องในขณะนั้น โดยทั่วไป การเก็บสเต็มเซลล์จะให้ได้เซลล์ที่ส่งผลดีที่สุดจะอยู่ในช่วงที่น้องยังสุขภาพดี เพราะเซลล์ที่ได้จะมีคุณภาพสูง และตอบสนองต่อการเพาะเลี้ยงได้ดีกว่า
การเก็บสเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยง เก็บอย่างไร? แตกต่างกันอย่างไร?
การเก็บสเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยงมีทั้งหมด 4 แหล่ง ได้แก่ เลือด ไขมัน สายสะดือ และไขกระดูก แต่ละแบบจะมีข้อแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

1. การเก็บจาก เลือด (Peripheral Blood Stem Cells)
  • เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะปลอดภัยและง่ายที่สุด เป็นเพียงการเก็บตัวอย่างเลือดไม่ต้องวางยาสลบ
  • ใช้การเจาะเลือดในปริมาณที่พอเหมาะโดยสัตวแพทย์
  • ได้เซลล์ของน้องเองโดยตรง ทำให้ร่างกายตอบสนองและยอมรับได้ดี
  • เหมาะกับน้องที่ยังสุขภาพดี และต้องการเก็บไว้ใช้ในอนาคต
2. การเก็บจาก ไขมัน (Adipose Tissue Stem Cells)
  • เก็บจากไขมันใต้ผิวหนัง เช่น บริเวณหน้าท้อง หรือขาหนีบ
  • ต้องใช้การผ่าตัดเล็กหรือทำร่วมกับการทำหมัน
  • เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่วางแผนทำหมัน 
3. การเก็บจาก ไขกระดูก (Bone Marrow Stem Cells)
  • เก็บจากกระดูกสะโพกหรือต้นขา ต้องวางยาสลบ
  • ใช้ในบางกรณีทางการแพทย์เท่านั้น เช่น ภาวะเลือดผิดปกติ หรือเกี่ยวข้องกับระบบเลือด 
  • โดยทั่วไปจะไม่นิยมเก็บจากไขกระดูก ไม่ใช่ตัวเลือกหลักในการเก็บเพื่อป้องกันล่วงหน้า เพราะเจ็บและขั้นตอนซับซ้อนกว่า
 4.การเก็บสเต็มเซลล์จาก สายสะดือ (Umbilical Cord)
  • เป็นการเก็บเพียงครั้งเดียวหลังคลอด จึงไม่รบกวนสุขภาพของแม่สัตว์
  • เป็นเซลล์ที่ยังบริสุทธิ์ (Virgin Cells) ยังไม่เคยผ่านกระบวนการเสื่อมใด ๆ
  • เหมาะสำหรับคุณแม่สัตว์ที่กำลังตั้งครรภ์หรือฟาร์มที่ต้องการวางแผนสุขภาพให้สัตว์เลี้ยงล่วงหน้า
  • เจ้าของที่ต้องการเก็บ "เซลล์ที่ดีที่สุด" ตั้งแต่กำเนิด เพื่อการดูแลสุขภาพระยะยาว
  • *โดยทั่วไปจะไม่นิยมเก็บจากไขกระดูก 
สเต็มเซลล์ช่วยชะลอวัยหรือฟื้นฟูสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้ไหม?
ได้ค่ะ สเต็มเซลล์ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกใหม่สำหรับการดูแลสุขภาพระยะยาวของน้องหมาน้องแมว โดยเฉพาะในกลุ่มที่เริ่มเข้าสู่วัยชรา

สเต็มเซลล์ช่วยได้อย่างไร?
1.กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
ช่วยสร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ข้อต่อ

2.ลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย
ปัญหาที่พบบ่อยในสัตว์สูงวัย เช่น อาการปวดข้อ ระบบย่อยอาหารอักเสบ หรือไตเสื่อม

3.เสริมภูมิคุ้มกันให้น้อง
ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ต้านโรคได้ดีขึ้น ลดโอกาสเจ็บป่วยง่าย

4.ช่วยให้น้องฟื้นตัวไวหลังการผ่าตัดหรือเจ็บป่วย
โดยเฉพาะในสัตว์สูงวัยที่ใช้เวลาฟื้นตัวนาน การมีสเต็มเซลล์ที่เก็บไว้พร้อมใช้งาน จะช่วยลดเวลาในการฟื้นฟูอย่างชัดเจน

ดังนั้น การเก็บสเต็มเซลล์ไว้ตั้งแต่น้องยังแข็งแรงเปรียบเหมือนการ เก็บโอกาสฟื้นฟูสุขภาพไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถดูแลน้องได้ดีที่สุดในวันที่เขาต้องการที่สุดค่ะ
ถ้าน้องหมาน้องแมวอายุมากแล้ว ยังเก็บสเต็มเซลล์ได้ไหม?
ยังสามารถเก็บได้ค่ะ แต่ประสิทธิภาพของเซลล์อาจไม่เท่ากับตอนที่น้องยังเด็กหรือยังสุขภาพดี
เก็บสเต็มเซลล์ให้น้องหมาน้องแมว นี่คือเก็บไปทำอะไร? แล้วจำเป็นแค่ไหน?"
การเก็บสเต็มเซลล์ คือการ สำรองเซลล์ซ่อมแซมร่างกาย ของน้องไว้ เพื่อใช้ในวันที่เขาอาจเจ็บป่วย หรือมีโรคเรื้อรังเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากสเต็มเซลล์มีคุณสมบัติพิเศษ คือสามารถช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ ฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ข้อกระดูก / ไต / ผิวหนัง / ระบบภูมิคุ้มกัน / สมอง / ตับ

จำเป็นแค่ไหน?
ในวันที่น้องยังสุขภาพดี อาจยังไม่รู้สึกถึงความจำเป็น
แต่เมื่อวันหนึ่งที่น้องเริ่มอายุมากขึ้น อาจเริ่มมีปัญหาสุขภาพ การมีสเต็มเซลล์พร้อมใช้ทันที อาจเป็นสิ่งที่ช่วยยืดคุณภาพชีวิตและฟื้นฟูสุขภาพได้จริง

เหมือนกับเรากำลัง เก็บโอกาสในการรักษา ไว้ให้เค้าเพราะเราไม่อยากรอจนสายเกินไป
หากต้องการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจากสัตว์เลี้ยง ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
ลูกค้าสามารถนำน้องหมา/แมวเข้ารับบริการได้ที่คลินิกสัตว์พาร์ทเนอร์ของ PetgeneX
โดยสัตวแพทย์จะทำการตรวจร่างกายเบื้องต้นและประเมินความพร้อมก่อนการเก็บตัวอย่าง

หากการตรวจผ่านการประเมินและน้องแข็งแรงดี
สามารถเก็บตัวอย่างได้ทันทีในกรณีของการเก็บจากเลือด,การเก็บจากไขมัน (สามารถทำร่วมกับการผ่าทำหมันได้)

แต่สำหรับกรณีที่ต้องการ เก็บจากสายสะดือ จะต้องดำเนินการในช่วง คลอดลูกสัตว์ เท่านั้น และต้องประสานงานล่วงหน้า

แนะนำ: ควรติดต่อ PetgeneX ล่วงหน้าเพื่อนัดหมายและเลือกสถานที่ที่สะดวกใกล้บ้านค่ะ
เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ
หากต้องการนำเซลล์ต้นกำเนิดมาใช้งานในอนาคต ต้องดำเนินการอย่างไร?
ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ในการเบิกใช้สเต็มเซลล์ ผ่านทาง PetgeneX โดยแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน เพื่อให้ทางห้องปฏิบัติการดำเนินการ เพาะขยายจำนวนเซลล์ให้เพียงพอต่อการใช้งาน,ตรวจสอบคุณภาพ และเตรียมการจัดส่งเซลล์ไปยังโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกที่ดูแลน้อง
การจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดมีการรับรองความปลอดภัยหรือไม่?
มีการรับรองความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ทุกขั้นตอนของการจัดเก็บและเพาะขยายสเต็มเซลล์ดำเนินการโดย ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานระดับสากล ภายใต้การควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด

เมื่อจัดเก็บแล้ว ทางบริษัทจะมีใบรับรองการจัดเก็บ,ระบบระบุตัวตนของตัวอย่างที่ชัดเจน
เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ยืนยัน และนำไปใช้งานได้อย่างมั่นใจในอนาคต

คุณจึงวางใจได้ว่า เซลล์ต้นกำเนิดของสัตว์เลี้ยงที่คุณรักจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย พร้อมใช้งานเมื่อต้องการ
การใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาฟื้นฟูร่างกายน้องหมาฝแมว ปลอดภัยหรือไม่?
ปลอดภัยค่ะ การใช้สเต็มเซลล์เพื่อการรักษาในสัตว์เลี้ยงได้รับการศึกษาและใช้งานจริงในคลินิกสัตวแพทย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านการฟื้นฟูโรคข้อเสื่อม ไตเรื้อรัง และโรคอักเสบเรื้อรัง

เหตุผลที่การใช้สเต็มเซลล์มีความปลอดภัย
1.เป็นเซลล์ของน้องเอง (Autologous Stem Cells)
ร่างกายไม่ต่อต้าน ไม่มีปฏิกิริยาแทรกซ้อนจากระบบภูมิคุ้มกัน
2.ผ่านการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพในห้องปฏิบัติการ
ก่อนนำมาใช้งาน สเต็มเซลล์จะผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงอย่างปลอดเชื้อ และตรวจสอบคุณสมบัติการทำงาน
3.ฉีดโดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การใช้เซลล์จะอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของสัตวแพทย์เท่านั้น และพิจารณาให้เหมาะสมกับโรคหรืออาการของน้อง
4.มีการติดตามผลหลังการรักษา
เพื่อให้มั่นใจว่าน้องตอบสนองดี และปลอดภัยตลอดกระบวนการ

โดยรวมแล้ว การใช้สเต็มเซลล์ถือเป็นวิธีการฟื้นฟูที่ไม่รุกราน (non-invasive)
และเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อมีการวางแผนและดูแลโดยทีมมืออาชีพค่ะ
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ