เซลล์บำบัดในสัตว์เลี้ยง

Stem Cell Therapy for Pets

นวัตกรรมฟื้นฟูสุขภาพ

ด้วยพลังจากธรรมชาติของร่างกาย

การดูแลสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน ก้าวไปไกลกว่าการรักษาแบบเดิม ๆ เซลล์บำบัด (Cell Therapy) คือทางเลือกใหม่ ที่ช่วยฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ในร่างกายของน้องหมาน้องแมว ด้วยการใช้สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดการอักเสบ และเสริมการทำงานของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ

"รู้จักกับเซลล์บำบัดในสัตว์เลี้ยง ทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูสุขภาพ"

เซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells)

คืออะไร?

เซลล์ต้นกำเนิด คือเซลล์ที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ และสามารถ

  • เพิ่มจำนวนตัวเองได้
  • เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก ผิวหนัง ฯลฯ
  • ควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ
  • กระตุ้นการซ่อมแซมร่างกายตามธรรมชาติ

ใช้สเต็มเซลล์รักษาโรคอะไรได้บ้าง?

เซลล์บำบัดถูกนำมาใช้ช่วยฟื้นฟูในหลากหลายระบบของร่างกายสัตว์เลี้ยง เช่น :

โรคระบบกระดูกและข้อต่อ

ข้อเสื่อม / ข้อสะโพกเสื่อม

การบาดเจ็บของกระดูก เส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อ

ช่วยลดอาการปวด ลดการอักเสบ และกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

โรคระบบประสาท

อัมพาตจากการบาดเจ็บของไขสันหลัง

การทำงานของเส้นประสาทเสื่อม

️มีการศึกษาว่าเซลล์ช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของระบบประสาท

โรคไตเรื้อรัง

️ลดการอักเสบภายในเนื้อเยื่อไต และชะลอการเสื่อมของการทำงานของไต

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง / โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune)

สเต็มเซลล์มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน

ลดความรุนแรงของอาการอักเสบแบบเรื้อรัง

โรคตับ

ตับอักเสบเรื้อรัง / ตับเสื่อม

️ ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ตับและลดการอักเสบของตับ

โรคผิวหนังและแผลเรื้อรัง

ผิวหนังอักเสบ / แผลหายช้า / แผลไฟไหม้

️ เซลล์ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และสมานแผลได้รวดเร็วขึ้น

โรคทางเดินอาหาร

ลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD)

️ ลดการอักเสบของลำไส้ และส่งเสริมการซ่อมแซมเยื่อบุผนังลำไส้

ภาวะโลหิตจางจากไขกระดูก (Bone Marrow Suppression)

ใช้สเต็มเซลล์กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดใหม่ในกรณีที่ไขกระดูกทำงานลดลง

การฟื้นฟูหลังผ่าตัดใหญ่ / ผ่าตัดเนื้องอก

เซลล์ช่วยลดการอักเสบภายใน ส่งเสริมการฟื้นตัวเร็วขึ้น

โรคระบบตา

  • แผลหลุมที่กระจกตา (Corneal Ulcer)
  • ผิวกระจกตาอักเสบ (Superficial Keratitis)
  • กระจกตาอักเสบในแมว (Feline Eosinophilic Keratitis)

️สเต็มเซลล์มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในชั้นตา กระตุ้นการสมานแผล และฟื้นฟูผิวกระจกตาให้กลับมาทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการสูญเสียการมองเห็น

ดูแลสัตว์เลี้ยงสูงวัย (ภาวะ Frailty)

เซลล์บำบัดสามารถช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดภาวะอ่อนแรง

ชะลอความเสื่อมของอวัยวะ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่เข้าสู่วัยชรา

การดูแลสัตว์เลี้ยงสูงวัยด้วยเซลล์บำบัด

ประเภทของเซลล์ที่ใช้ MSCs (Mesenchymal Stem Cells)

PetgeneX เราใช้เซลล์ชนิด MSCs ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษดังนี้ :


  • ไม่กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายมาก (ปลอดภัย)
  • มีงานวิจัยรองรับมากมายทั้งในคนและสัตว์
  • ได้ผลดีในการฟื้นฟูแบบไม่รุกราน

รูปแบบการใช้เซลล์

Autologous MSCs : เซลล์ของน้องเอง (ต้องเก็บไว้ล่วงหน้า)

Allogeneic MSCs : เซลล์จากตัวอื่นพันธุกรรมใกล้เคียง (เหมาะกับเคสเร่งด่วน)

ความปลอดภัยในการใช้

เซลล์ทุกชุดที่นำมาใช้กับน้องหมาน้องแมวจะผ่านการตรวจสอบโดยห้องปฏิบัติการมาตรฐาน เช่น:

ขนาดและรูปร่างของเซลล์

ความมีชีวิต (Viability)

ความสะอาดปลอดเชื้อ

คุณสมบัติของเซลล์ MSCs

จำนวนเซลล์ต่อโดส

ทำไมต้องเลือก PetGeneX ?

ทีมสัตวแพทย์และนักวิทยาศาสตร์

ผู้เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์

ห้องปฏิบัติการคุณภาพสูง พร้อมระบบจัดเก็บและเพาะเลี้ยงครบวงจร

มีบริการเก็บสเต็มเซลล์ล่วงหน้า

(เพื่อพร้อมใช้เมื่อน้องเจ็บป่วย)

ปลอดภัย โปร่งใส

พร้อมใบรับรองการจัดเก็บ

คำถามที่พบบ่อย
การเก็บสเต็มเซลล์ให้น้องหมาน้องแมว คืออะไร?
การเก็บสเต็มเซลล์คือการเก็บ เซลล์ต้นกำเนิด เซลล์เหล่านี้มีความสามารถในการ ซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกาย เช่น กระดูก ไต ผิวหนัง หรือระบบต่าง ๆ ในอนาคตหากน้องเจ็บป่วย เราสามารถนำเซลล์ที่เก็บไว้มาขยายและใช้รักษาและฟื้นฟูร่างกายน้องได้ค่ะ

การเก็บจะทำในช่วงที่น้องยังสุขภาพดี เพื่อให้ได้เซลล์ที่แข็งแรงและพร้อมใช้งาน
เป็นการวางแผนดูแลสุขภาพล่วงหน้า เหมือนเป็น สมบัติล้ำค่าของน้อง ที่เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นค่ะ
สเต็มเซลล์ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
สเต็มเซลล์สามารถใช้ฟื้นฟูและรักษาโรคต่าง ๆ ที่พบได้บ่อยในสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ เช่น

โรคข้อเสื่อม / ข้อสะโพกเสื่อม
ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการเจ็บ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน

โรคไตเรื้อรัง
ช่วยลดภาวะอักเสบในไต และชะลอการเสื่อมของการทำงานของไต

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง / โรคแพ้ภูมิตัวเอง (autoimmune)
ช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

แผลเรื้อรัง / แผลหายช้า
ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และฟื้นฟูเนื้อเยื่อให้หายไวขึ้น

โรคทางระบบประสาท / การบาดเจ็บของเส้นประสาท
มีการศึกษาเบื้องต้นว่าสเต็มเซลล์อาจช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทได้บางส่วน

โรคตับ (Liver Disease)
เช่น ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง หรือภาวะตับเสื่อมในสัตว์เลี้ยง สเต็มเซลล์อาจช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมการฟื้นตัวของเซลล์ตับ

โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD Inflammatory Bowel Disease)
ในบางเคสที่ตอบสนองต่อยาช้า การใช้สเต็มเซลล์อาจช่วยลดการอักเสบของลำไส้ได้

ภาวะบาดเจ็บของกระดูก/กล้ามเนื้อ
เช่น กระดูกแตก เส้นเอ็นฉีก หรือกล้ามเนื้อฉีกขาด สเต็มเซลล์ช่วยเร่งการซ่อมแซมและลดเวลาการพักฟื้น

ภาวะผิวหนังอักเสบ/แผลไฟไหม้/แผลที่หายช้า
สเต็มเซลล์สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในบริเวณที่ผิวหนังเสียหาย

ภาวะโลหิตจางจากไขกระดูก (Bone Marrow Suppression)
มีการทดลองใช้สเต็มเซลล์ในการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดใหม่

ฟื้นฟูร่างกายหลังจากการผ่าตัดใหญ่ / ผ่าตัดเนื้องอก
เพื่อช่วยให้ร่างกายกลับมาทำงานสมบูรณ์เร็วขึ้น ลดการอักเสบเรื้อรัง


หมายเหตุ: การใช้สเต็มเซลล์ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของสัตวแพทย์ และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของน้องแต่ละตัว การเก็บสเต็มเซลล์ไว้ตั้งแต่วันนี้ ช่วยให้น้องมีโอกาสในการรักษาที่รวดเร็ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้
ควรเก็บสเต็มเซลล์ตอนไหนดีที่สุด?

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเก็บสเต็มเซลล์ คือ ตอนที่น้องหมาน้องแมวยังแข็งแรง และยังไม่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะช่วง อายุประมาณ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่ร่างกายสมบูรณ์ และสามารถเก็บเซลล์ที่มีคุณภาพสูงได้

การเก็บจากเลือด เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุด
สะดวก ปลอดภัย ไม่ทำให้น้องเจ็บมาก โดยสัตวแพทย์จะใช้วิธีเก็บเลือดในปริมาณที่เหมาะสม
สามารถทำได้ในคลินิกพาร์ทเนอร์ของ PetgeneX และใช้เวลาไม่นาน

หากมีแผนจะพาน้องไปทำหมัน
สามารถเลือกเก็บจากเนื้อเยื่อไขมัน ได้ในระหว่างการผ่าตัด
เพราะเป็นช่วงที่สัตวแพทย์สามารถเก็บเนื้อเยื่อไขมันบางส่วนได้ทันทีซึ่งเซลล์จากไขมันก็มีคุณภาพสูงเช่นกัน

หากคุณแม่ตั้งครรภ์สัตว์เลี้ยง
สามารถเลือกเก็บจากสายสะดือของลูกสัตว์แรกเกิด
ซึ่งจะได้สเต็มเซลล์ที่บริสุทธิ์และยังไม่ผ่านการใช้งานในร่างกาย (Virgin Cells)

แต่ไม่ว่าจะแหล่งไหน ยิ่งเก็บเร็ว ยิ่งได้เซลล์ที่มีคุณภาพสูงค่ะ

ถ้าน้องหมาหรือน้องแมวป่วยแล้ว ยังสามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้ไหม?
สามารถเก็บได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับประเภทของโรคและสภาพร่างกายของน้องในขณะนั้น โดยทั่วไป การเก็บสเต็มเซลล์จะให้ได้เซลล์ที่ส่งผลดีที่สุดจะอยู่ในช่วงที่น้องยังสุขภาพดี เพราะเซลล์ที่ได้จะมีคุณภาพสูง และตอบสนองต่อการเพาะเลี้ยงได้ดีกว่า
การเก็บสเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยง เก็บอย่างไร? แตกต่างกันอย่างไร?
การเก็บสเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยงมีทั้งหมด 4 แหล่ง ได้แก่ เลือด ไขมัน สายสะดือ และไขกระดูก แต่ละแบบจะมีข้อแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

1. การเก็บจาก เลือด (Peripheral Blood Stem Cells)
  • เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะปลอดภัยและง่ายที่สุด เป็นเพียงการเก็บตัวอย่างเลือดไม่ต้องวางยาสลบ
  • ใช้การเจาะเลือดในปริมาณที่พอเหมาะโดยสัตวแพทย์
  • ได้เซลล์ของน้องเองโดยตรง ทำให้ร่างกายตอบสนองและยอมรับได้ดี
  • เหมาะกับน้องที่ยังสุขภาพดี และต้องการเก็บไว้ใช้ในอนาคต
2. การเก็บจาก ไขมัน (Adipose Tissue Stem Cells)
  • เก็บจากไขมันใต้ผิวหนัง เช่น บริเวณหน้าท้อง หรือขาหนีบ
  • ต้องใช้การผ่าตัดเล็กหรือทำร่วมกับการทำหมัน
  • เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่วางแผนทำหมัน 
3. การเก็บจาก ไขกระดูก (Bone Marrow Stem Cells)
  • เก็บจากกระดูกสะโพกหรือต้นขา ต้องวางยาสลบ
  • ใช้ในบางกรณีทางการแพทย์เท่านั้น เช่น ภาวะเลือดผิดปกติ หรือเกี่ยวข้องกับระบบเลือด 
  • โดยทั่วไปจะไม่นิยมเก็บจากไขกระดูก ไม่ใช่ตัวเลือกหลักในการเก็บเพื่อป้องกันล่วงหน้า เพราะเจ็บและขั้นตอนซับซ้อนกว่า
 4.การเก็บสเต็มเซลล์จาก สายสะดือ (Umbilical Cord)
  • เป็นการเก็บเพียงครั้งเดียวหลังคลอด จึงไม่รบกวนสุขภาพของแม่สัตว์
  • เป็นเซลล์ที่ยังบริสุทธิ์ (Virgin Cells) ยังไม่เคยผ่านกระบวนการเสื่อมใด ๆ
  • เหมาะสำหรับคุณแม่สัตว์ที่กำลังตั้งครรภ์หรือฟาร์มที่ต้องการวางแผนสุขภาพให้สัตว์เลี้ยงล่วงหน้า
  • เจ้าของที่ต้องการเก็บ "เซลล์ที่ดีที่สุด" ตั้งแต่กำเนิด เพื่อการดูแลสุขภาพระยะยาว
  • *โดยทั่วไปจะไม่นิยมเก็บจากไขกระดูก 
สเต็มเซลล์ช่วยชะลอวัยหรือฟื้นฟูสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้ไหม?
ได้ค่ะ สเต็มเซลล์ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกใหม่สำหรับการดูแลสุขภาพระยะยาวของน้องหมาน้องแมว โดยเฉพาะในกลุ่มที่เริ่มเข้าสู่วัยชรา

สเต็มเซลล์ช่วยได้อย่างไร?
1.กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
ช่วยสร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ข้อต่อ

2.ลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย
ปัญหาที่พบบ่อยในสัตว์สูงวัย เช่น อาการปวดข้อ ระบบย่อยอาหารอักเสบ หรือไตเสื่อม

3.เสริมภูมิคุ้มกันให้น้อง
ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ต้านโรคได้ดีขึ้น ลดโอกาสเจ็บป่วยง่าย

4.ช่วยให้น้องฟื้นตัวไวหลังการผ่าตัดหรือเจ็บป่วย
โดยเฉพาะในสัตว์สูงวัยที่ใช้เวลาฟื้นตัวนาน การมีสเต็มเซลล์ที่เก็บไว้พร้อมใช้งาน จะช่วยลดเวลาในการฟื้นฟูอย่างชัดเจน

ดังนั้น การเก็บสเต็มเซลล์ไว้ตั้งแต่น้องยังแข็งแรงเปรียบเหมือนการ เก็บโอกาสฟื้นฟูสุขภาพไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถดูแลน้องได้ดีที่สุดในวันที่เขาต้องการที่สุดค่ะ
ถ้าน้องหมาน้องแมวอายุมากแล้ว ยังเก็บสเต็มเซลล์ได้ไหม?
ยังสามารถเก็บได้ค่ะ แต่ประสิทธิภาพของเซลล์อาจไม่เท่ากับตอนที่น้องยังเด็กหรือยังสุขภาพดี
เก็บสเต็มเซลล์ให้น้องหมาน้องแมว นี่คือเก็บไปทำอะไร? แล้วจำเป็นแค่ไหน?"
การเก็บสเต็มเซลล์ คือการ สำรองเซลล์ซ่อมแซมร่างกาย ของน้องไว้ เพื่อใช้ในวันที่เขาอาจเจ็บป่วย หรือมีโรคเรื้อรังเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากสเต็มเซลล์มีคุณสมบัติพิเศษ คือสามารถช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ ฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ข้อกระดูก / ไต / ผิวหนัง / ระบบภูมิคุ้มกัน / สมอง / ตับ

จำเป็นแค่ไหน?
ในวันที่น้องยังสุขภาพดี อาจยังไม่รู้สึกถึงความจำเป็น
แต่เมื่อวันหนึ่งที่น้องเริ่มอายุมากขึ้น อาจเริ่มมีปัญหาสุขภาพ การมีสเต็มเซลล์พร้อมใช้ทันที อาจเป็นสิ่งที่ช่วยยืดคุณภาพชีวิตและฟื้นฟูสุขภาพได้จริง

เหมือนกับเรากำลัง เก็บโอกาสในการรักษา ไว้ให้เค้าเพราะเราไม่อยากรอจนสายเกินไป
หากต้องการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจากสัตว์เลี้ยง ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
ลูกค้าสามารถนำน้องหมา/แมวเข้ารับบริการได้ที่คลินิกสัตว์พาร์ทเนอร์ของ PetgeneX
โดยสัตวแพทย์จะทำการตรวจร่างกายเบื้องต้นและประเมินความพร้อมก่อนการเก็บตัวอย่าง

หากการตรวจผ่านการประเมินและน้องแข็งแรงดี
สามารถเก็บตัวอย่างได้ทันทีในกรณีของการเก็บจากเลือด,การเก็บจากไขมัน (สามารถทำร่วมกับการผ่าทำหมันได้)

แต่สำหรับกรณีที่ต้องการ เก็บจากสายสะดือ จะต้องดำเนินการในช่วง คลอดลูกสัตว์ เท่านั้น และต้องประสานงานล่วงหน้า

แนะนำ: ควรติดต่อ PetgeneX ล่วงหน้าเพื่อนัดหมายและเลือกสถานที่ที่สะดวกใกล้บ้านค่ะ
เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ
หากต้องการนำเซลล์ต้นกำเนิดมาใช้งานในอนาคต ต้องดำเนินการอย่างไร?
ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ในการเบิกใช้สเต็มเซลล์ ผ่านทาง PetgeneX โดยแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน เพื่อให้ทางห้องปฏิบัติการดำเนินการ เพาะขยายจำนวนเซลล์ให้เพียงพอต่อการใช้งาน,ตรวจสอบคุณภาพ และเตรียมการจัดส่งเซลล์ไปยังโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกที่ดูแลน้อง
การจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดมีการรับรองความปลอดภัยหรือไม่?
มีการรับรองความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ทุกขั้นตอนของการจัดเก็บและเพาะขยายสเต็มเซลล์ดำเนินการโดย ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานระดับสากล ภายใต้การควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด

เมื่อจัดเก็บแล้ว ทางบริษัทจะมีใบรับรองการจัดเก็บ,ระบบระบุตัวตนของตัวอย่างที่ชัดเจน
เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ยืนยัน และนำไปใช้งานได้อย่างมั่นใจในอนาคต

คุณจึงวางใจได้ว่า เซลล์ต้นกำเนิดของสัตว์เลี้ยงที่คุณรักจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย พร้อมใช้งานเมื่อต้องการ
การใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาฟื้นฟูร่างกายน้องหมาฝแมว ปลอดภัยหรือไม่?
ปลอดภัยค่ะ การใช้สเต็มเซลล์เพื่อการรักษาในสัตว์เลี้ยงได้รับการศึกษาและใช้งานจริงในคลินิกสัตวแพทย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านการฟื้นฟูโรคข้อเสื่อม ไตเรื้อรัง และโรคอักเสบเรื้อรัง

เหตุผลที่การใช้สเต็มเซลล์มีความปลอดภัย
1.เป็นเซลล์ของน้องเอง (Autologous Stem Cells)
ร่างกายไม่ต่อต้าน ไม่มีปฏิกิริยาแทรกซ้อนจากระบบภูมิคุ้มกัน
2.ผ่านการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพในห้องปฏิบัติการ
ก่อนนำมาใช้งาน สเต็มเซลล์จะผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงอย่างปลอดเชื้อ และตรวจสอบคุณสมบัติการทำงาน
3.ฉีดโดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การใช้เซลล์จะอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของสัตวแพทย์เท่านั้น และพิจารณาให้เหมาะสมกับโรคหรืออาการของน้อง
4.มีการติดตามผลหลังการรักษา
เพื่อให้มั่นใจว่าน้องตอบสนองดี และปลอดภัยตลอดกระบวนการ

โดยรวมแล้ว การใช้สเต็มเซลล์ถือเป็นวิธีการฟื้นฟูที่ไม่รุกราน (non-invasive)
และเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อมีการวางแผนและดูแลโดยทีมมืออาชีพค่ะ
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ